ทัศนคติที่ดีของนักถ่ายภาพขาวออสเตรเลียที่มีต่อ HassyPB

  สวัสดีครับ ผมชื่อ Nick Orloff ครับ ผมอยู่เมลเบิร์น ออเตรเลีย ต่อไปนี้คือประสบการณ์ของผมกับ HassyPB นะครับ แต่ก่อนที่ผมจะบอกทุกคนเกี่ยวกับแบคตัวนี้ ผมเล่าสั้นๆ ก่อนว่าผมมาถึงตรงนี้ได้อย่างไร 

ผมสนุกกับการถ่ายภาพแบบโพลารอยด์นี้มาบ้างนิดหน่อย แต่ผมไม่เคยเป็นแฟนตัวยงเลย ก่อนหน้านี้ผมก็เคยซื้อกล้องโพลารอยด์ SLR 680 มา แต่ก็หลายปีแล้วฟิล์มที่ใช้ดูเหมือนจะมีราคาแพงมากเหมือนกัน แต่ก็ถ่ายไปจนหมดสองสามห่อ 

และไม่เคยพบอุปสรรคหรือปัญหาใดๆ จากการใช้งานเลยครับ 

      เกือบ 4 ปีที่แล้ว ราวๆ เดือนมีนาคม 2020 ผมได้มีโอกาสเห็นภาพโฆษณาของ Hasselback Portrait ของ Escura ใน Kickstarter และผมก็คิดในใจว่าถ้าผมใช้ ฟิล์ม Instax ตัวนี้กับ Hasselblad 503 ของผมได้ฟังดูก็น่าสนุกดี! 

ดังนั้นผมจึงรีบตัดสินใจร่วมสนับสนุนแคมเปญนี้ ด้วยเงินประมาณ 200 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราวๆ 7,200 บาทในขณะนั้น หลังจากนั้นราวๆ หนึ่งเดือนทางผู้ออกแบบและผลิต แจ้งว่ามีกำหนดจะส่งมอบในเดือนกรกฎาคม 2020 

แต่หลังจากนั้นจนแล้วจนรอด ทางทีมงานผู้ผลิตก็บ่ายเบี่ยงหรือเลื่อนเวลาในการส่งมอบล่าช้ามาเป็นระยะๆ นานกว่าสามปีรวมถึงโควิดด้วย (ไม่ใช่ความผิดของพวกเขา) จากนั้นผู้ผลิตก็เริ่มส่งมอบ นี่ไม่ใช่เป็นการโพสต์วิพากษ์วิจารณ์ Escura และ Hasselback ของพวกเขานะครับ แต่ความคิดเห็นจากผู้ที่ได้รับตัวแบคในช่วงแรกนั้นเป็นไปในเชิงลบมาก โดยส่วนใหญ่พูดถึงคุณภาพงานผลิตที่ไม่ดีและปัญหาการโฟกัส

แต่เดี๋ยวก่อนนะครับ! มาว่ากันตรงใจความสำคัญกันก่อน..ว่าเราคิดเห็นกันเป็นอย่างไรบ้าง? เราจะยังคงใช้อุปกรณ์เสริม/เลนส์/หรืออุปกรณ์ที่เราเพิ่งได้รับ ซึ่งจริงๆ แล้วเราควรจะได้ใช้เมื่อ 4 ปีที่แล้วอยู่หรือเปล่า? 

ผมยังคงใช้เลนส์และตัวกล้องบางตัวที่ซื้อมาเมื่อหลายปีก่อนอยู่ แต่ก็ไม่ได้มีอะไรสำคัญมากนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพูดถึงอุปกรณ์เสริม จะว่าไปแล้วผมยอมรับว่า การร่วมสนับสนุนโครงการนั้น ไม่ใช่การลงทุน แต่เป็นวิธีที่ผมใช้เงินเพื่องานแลกกับอุปกรณ์ที่จะมาเป็นงานอดิเรก 

       ในเดือนกันยายนปีที่แล้ว [2023] ขณะที่ผมกำลังรอ Hasselback ของผมว่าจะมาถึงเมื่อไหร่ แลพในระหว่างนี้ก็อ่านบทวิจารณ์เชิงลบเกือบทั้งหมด โดยเฉพาะเรื่องที่แบค Escura อาจทำให้ตัวกล้องของ Hasselblad ติดหรือเสียหายไปด้วย ผมเลยตัดสินใจว่าเงินที่ผมลงไปเมื่อเกือบ 4 ปีที่แล้ว คงเป็นเงินที่จมหายไปแล้วและผมคงไม่ใช้แบคแน่ๆ ตามที่กล่าวไปแล้วครับ ความคิดในการใช้ Hasselblad ของผมกับเลนส์ที่วาดฝันไว้อย่างสวยงามและฟิล์ม Instax ที่ติดอยู่ในหัวของผม ก็มลายหายไปสิ้น

พอปลงได้แล้ว ผมก็เลยลอง search Google เลื่อนๆ ไปสักพักผมก็เห็น HassyPB  ที่ John Kasawa ที่เป็นผู้ออกแบบและเป็นผู้ผลิต จอห์น อยู่ที่กรุงเทพฯ และบังเอิญว่าผมกำลังเดินทางไปประเทศไทยในเดือนพฤศจิกายน [2023] เพื่อพักผ่อนช่วงวันหยุดสั้นๆ พอดี... หลังจากที่ผมทักข้อความผ่าน WhatsApp สองสามวันก่อนเดินทาง จอห์นยินดีที่จะให้ผมได้ทดลองใช้ HassyPB ของเขา ตอนที่ผมอยู่ที่กรุงเทพฯ และได้พบจอห์นในล็อบบี้ของโรงแรม และได้ทดสอบการใช้งานของ HassyPB นั้น นั่นเป็นช่วงเวลาดีๆ ทีเดียว ผมพูดคุยถ่ายรูปไปทั่วโรงแรมก้วย HassyPB เราถ่ายรูปกัน และเดินทั่วไปหมด ถ่ายพนักงานของโรงแรมด้วย ทุกคนต่างยิ้มแย้มและมีความสุข  ผมไม่ลังเลที่จะจ่ายเงิน 400 ดอลลาร์สหรัฐ หลังจากพอใจกับ HassyPB มากก่อนพากลับบ้าน

     สิ่งที่ผมสัมผัสได้เมื่อ HassyPB อยู่ในมือผมคือ งานผลิตดีมาก มันให้ความรู้สึกมั่นคงเมื่ออยู่ในมือของผม และเมื่อต่อกับ Hasselblad 503CX ของผมได้อย่างง่ายดายและแนบสนิท ผมยังติดใจเรื่องเรื่องการโฟกัสของ HassyPB เพราะของ NONS มีระนาบฟิล์มของ Instax ที่ระยะห่างจากเลนส์เท่ากันกับของHasselblad ในขณะที่ HassyPB อยู่ห่างออกไปเล็กน้อย ซึ่งหมายความว่าผมต้องชดเชยระยะด้วยการยกโฟกัสซิ่งกสรีนขึ้นเพื่อให้ได้โฟกัสเท่ากับแบคของแฮสทั่วๆ ไป 

HassyPB ให้ตัวเว้นระยะหรือ สเปซเซอร์มาด้วย  ( Escura ก็มี) ซึ่งจะต้องใส่ไว้ใต้โฟกัสซิ่งสกรีนเพื่อแก้ระยะหรือระนาบโฟกัสให้ตรง ขั้นตอนนี้ใช้เวลาสั้นมากไม่เกินหนึ่งนาทีก็เสร็จ  ไม่ว่าจะสลับกลับไปกลับมาระหว่าง Instax back หรือแมกกาซีนปกติโดยไม่ยุ่งยากวุ่นวาย HassyPB ไม่จำเป็นต้องใช้ Spacer นี้เมื่อถ่ายในตอนกลางวัน การตั้งค่าแสงก็ทำได้อย่างง่ายดาย ผมไม่เห็นว่านี่จะเป็นปัญหาใหญ่อะไร กับการใส่หรือไม่ใส่สเปซเซอร์ หากผมต้องการเช็คแสงและองค์ประกอบภาพก่อนถ่าย ฉันจะใช้กล้องดิจิตอล และเปลี่ยนระยะห่างจากเลนส์ถึงระนาบฟิล์ม หมายความว่าผมไม่สามารถโฟกัสถึงระยะอนันต์ได้เมื่อใส่ตัวกล้องใส่สเปซเซอร์อยู่ โอเค บางคนอาจคิดว่านี่มันเป็นปัญหา แต่ผมไม่ได้ซื้อ HassyPB เพื่อถ่ายภาพวิวทิวทัศน์ (แต่ถ้าผมจะถ่าย ผมก็แค่ถอดเสปซเซอร์ออกและใช้ f-stop ตั้งแต่ f-8 เป็นต้นไป.. เท่านี้ก็หมดเรื่องครับ ฟิล์ม Instax ดูเหมือนจะมีช่วงไดนามิค/ละติจูดการรับแสงที่ไม่กว้างมากนัก แต่ผมว่านั่นเป็นส่วนหนึ่งของเสน่ห์เลย พวกมันไม่สมบูรณ์แบบ และภาพเหล่านี้เป็นหลักฐานชัดเจนว่า ผมต้องเอาเทคนิคหรือทักษะเก่าๆ ออกมาใช้พอสมควรเลย 

Hasselblad ทำกรอบภาพขนาด 60 มม. X 60 มม. ส่วน Instax Square มีขนาด 62 มม. x 62 มม. ส่งผลให้มีขอบสีดำบางๆ (1 มม.) รอบๆ ภาพ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ สำหรับผมอีกครั้ง นี่เป็นส่วนหนึ่งของเสน่ห์ ในออสเตรเลีย Instax Square มีราคาประมาณหนึ่งในสามของราคา Polaroid 600 และมัน ถูก' มากพอจริงๆ  ผมยินดีที่จะลองถ่ายและทดสอบดูว่า HassyPB จะทำอะไรได้อีกบ้าง แต่สิ่งที่ผมเพลิดเพลินจริงๆ ก็คือปฏิกิริยาของผู้คนต่อภาพถ่ายที่ค่อยๆ ปรากฎขึ้นครับ 

อย่างในงานเลี้ยงอาหารค่ำสองครั้งล่าสุด ผมเอา 'Blad และ HassyPB ไปด้วย เพื่อถ่ายภาพเพื่อนๆ ที่มาในงาน เอาจริงๆ เกือบทุกคน แม้แต่เพื่อนของผมที่ (ถูกกล่าวหาว่า) เกลียดการถูกถ่ายรูปที่สุด แต่พอเห็นรูปปั๊บ ก็รีบเก็บเข้ากระเป๋าทันทีเพราะกลัวหาย สำหรับผมแล้ว ภาพเหตุการณ์และความรู้สึกมันฟ้องจริงๆ  คนส่วนใหญ่ทุกวันนี้ไม่ค่อยมีใครได้เห็น โดยเฉพาะการเห็นภาพจริงๆ ของตัวเองที่เห็นปรากฏให้เห็นช้าๆ แบบนี้ คนเราคุ้นเคยกับการดูภาพบนหน้าจอมากกว่าจนเมื่อเราเห็น ภาพโพลารอยด์ ภาพหนึ่งจึงเป็นเรื่องแลกหใม่ที่ที่สาวยงามและน่ารักไปอีกแบบ และบางทีภาพจากแฮสซี่พีบีอาจเป็นของที่ระลึกขแงความทรงจำที่ดีก็ได้ สำหรับผมแล้วแนวโน้มที่จะเข็น HassyPB ไปพร้อมๆ กับการออกไปพบปะเพื่อนฝูงและถ่ายภาพพวกเขาอย่างแน่นอน   ในที่สุด ความกระอักกระอ่วยฝจที่ไม่รู้จะเร่ิมหัวข้อสนทนาก่อนก็เป็นอันถูกดับลงด้วยแบคตัวนี้ และก็เป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ  

Nick Orloff สามารถดูภาพของผมเพิ่มเติมได้บนเว็บไซต์และ Instagram ของผมได้ครับ

ที่มาของข้อมูล https://www.35mmc.com/29/03/2024/hassypb-review-it-makes-photos-that-people-want-to-take-from-you/